ประเมินอสังหาฯ ปี59 เตือนคอนโดหรู เปิดผิดทำเล

ประเมินอสังหาฯ ปี59

ธ.เกียรตินาคิน ประเมินอสังหาฯ ปี59 ชะลอเติบโต เตือนคอนโดฯซูเปอร์ไพร์มเปิดผิดทำเล

           ธ.เกียรตินาคิน ‘ประเมินอสังหาฯ ปี59′ เติบโต 10% ชะลอลงจากปี 2558 โครงการเปิดตัวใหม่ยังเน้นตลาดกลางถึงบน เตือนเอกชนระมัดระวังทำเลเปิดคอนโดฯซูเปอร์ไพร์ม ห่วงสต๊อกคอนโดฯระดับล่างสร้างเสร็จใหม่เพิ่ม ด้านโรงแรม-อพาร์ตเมนต์ยังได้อานิสงส์นักท่องเที่ยวจีน-เออีซี

            นางจิราภรณ์ ลินมณีโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2559 ยอดพรีเซลทั้งแนวราบและแนวสูงคาดการณ์มีมูลค่าประมาณ 3.7-3.8 แสนล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2558 ที่มีมูลค่าพรีเซล 3.4 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นการเติบโตที่ชะลอลง เทียบจากปีก่อนที่มีการเติบโต 14%

          ขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่ คาดการณ์มีการเปิดตัว 122,000 ยูนิต เติบโตประมาณ 20% จากปีก่อนมีการเปิดตัว 108,000 ยูนิต แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 60% และโครงการแนวราบ 40% โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่วางแผนการเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง แต่หากสภาพเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวตามคาดหวังอาจมีการชะลอเปิดโครงการออกไป และผู้ประกอบการยังคงเน้นเปิดโครงการตลาดกลางถึงตลาดบน

@ กำลังซื้อคอนโดฯซูเปอร์ไพร์มจำกัด

 นางจิราภรณ์กล่าวว่า คอนโดฯตลาดบนระดับซูเปอร์ไพร์ม ราคาสูงกว่า 3 แสนบาท/ตร.ม. ผู้ซื้อยังคงมีกำลังซื้อแต่ดีเวลอปเปอร์ต้องระมัดระวังการเปิดโครงการระดับนี้ต้องอยู่ในทำเลที่ดี หากเปิดโครงการระดับซูเปอร์ไพร์มในทำเลที่ไม่เหมาะสมอาจประสบปัญหาด้านการขาย

         “ผู้ซื้อมีความสามาระชำระสูงก็จริงแต่มีจำกัด เพราะผู้บริโภคที่สามารถเข้าถึงห้องชุดราคาเกินกว่า 25 ล้านบาทต่อยูนิตมีไม่มาก และผู้ซื้อไม่มีความจำเป็นต้องรีบซื้อตั้งแต่เปิดพรีเซล สามารถรอจนกว่าโครงการจะสร้างเสร็จและรู้สึกพอใจในสินค้าก่อนแล้วจึงตัดสินใจซื้อได้”  นางจิราภรณ์กล่าว

@ สต๊อกระดับล่างสร้างเสร็จท่วมตลาด

          นางจิราภรณ์กล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่น่ากังวลสำหรับตลาดอสังหาฯปี 2559 คือปริมาณสต๊อกคอนโดฯสร้างเสร็จใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ยังมีเหลือขายสูงถึง 40-50% จากปกติมักจะขายได้หมดก่อนโครงการสร้างเสร็จ และผู้ประกอบการยังมีแผนเปิดคอนโดฯระดับล่างอย่างต่อเนื่อง ทำให้การระบายสต๊อกประเมินว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีจึงจะหมด และคาดว่าบริษัทเอกชนจะแข่งขันกันด้านแคมเปญการตลาดมากในปีนี้

 

@ โรงแรมระดับ ‘บัดเจ็ท’ มาแรง
ด้าน ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจโรงแรมปีนี้ยังมีแนวโน้มที่ดี จากธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังขยายตัว คาดการณ์มีนักท่องเที่ยว 32 ล้านคนที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยปีนี้ โดย 30% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดเป็นชาวจีน ซึ่งระดับการใช้จ่ายของชาวจีนส่งผลดีต่อโรงแรมระดับบัดเจ็ท

           สำหรับจังหวัดที่ธุรกิจโรงแรมมีโอกาสขยายตัวได้ดี ยังคงเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก คือ ภูเก็ต ชลบุรี (เมืองพัทยา) และเชียงใหม่ แต่พบว่าจังหวัดดาวรุ่งที่มีอัตราเข้าพักในโรงแรมสูงขึ้น ได้แก่ เลย พะเยา ลำปาง ลำพูน

 

@ อพาร์ตเมนต์ขาขึ้น-หอพักขาลง
ดร.ปิยศักดิ์กล่าวว่า ด้านธุรกิจอพาร์ตเมนต์และธุรกิจหอพัก พบว่า ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์สำหรับนักธุรกิจต่างชาติ (expat) ยังมีปัจจัยบวกจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ทำให้นักธุรกิจต่างชาติยังเดินทางเข้ามาติดต่อและพักอาศัยในไทย และพบว่าผู้พักอาศัยกลุ่มนี้มีการขยายตัวออกไปนอกเขตซีบีดีมากขึ้น เช่น ทำเลสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และทำเลถ.รัชดาภิเษกซึ่งมีแนวรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีสายสีน้ำเงิน

         แต่ด้านธุรกิจหอพัก แบ่งเป็นด้านหอพักนักศึกษา มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ มีปัจจัยลบคือจำนวนนักศึกษาที่มีแนวโน้มต่ำลง แต่ซัพพลายหอพักสูงและทำให้การแข่งขันในตลาดสูงตาม เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต ส่วนมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดยังมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะในจ.ขอนแก่น มหาสารคาม และนครราชสีมา

         ส่วนธุรกิจหอพักคนงาน ได้รับผลกระทบจากการย้ายฐานผลิตในบางพื้นที่ แต่บางพื้นที่ซึ่งยังมีการขอใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานเพิ่มจะยังมีแนวโน้มที่ดี ได้แก่ จ.ชลบุรี ระยอง และนครราชสีมา

 

ภาพ : www.kiatnakin.co.th    /  ที่มา : www.prachachat.net

Leave a Reply