MAXXI Condo นวัตกรรมแรกในย่านรัชโยธิน–พหลฯ

MAXXI Condo

MAXXI Condo ซอยพหลโยธิน 34 เริ่มต้น 1.29 ล้าน

RK PLUS กลุ่มอสังหาฯ คนรุ่นใหม่ เปิดตัว MAXXI Condo

               “RK Plus Estate” กลุ่มอสังหาฯน้องใหม่ ทายาทรุ่นที่ 3 ของกลุ่ม RK GROUP กับประสบการณ์อสังหาริมทรัพย์ยาวนานกว่า 40 ปี ผนึกกำลังผู้บริหารรุ่นใหม่ เปิดตัว MAXXI Condo คอนโดฯ นวัตกรรมแห่งแรกในย่านรัชโยธิน–พหลฯ 34 กับแนวคิด LIVE IT TO THE MAX อาคาร 8 ชั้น รวม 249 ยูนิต ราคาห้องเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการกว่า 450 ล้าน โดยตั้งเป้าปิดการขายภายในสิ้นปี 60 นี้

                 นายวรวุฒิ กิตติอุดม ประธานกรรมการบริหาร และผู้อำนวยการสายการเงินบริษัท อาร์เค พลัส เอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท อาร์เค พลัส เอสเตท จำกัด เกิดจากการรวมกลุ่มของเพื่อนๆ นักธุรกิจที่เป็นคนรุ่นใหม่มีความชอบและทัศนคติที่เหมือนกัน คือ อยากจะสร้างคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่เน้นความทันสมัย เน้นภาพลักษณ์มาก่อนเรื่องตัวเลข

               ซึ่งหุ้นส่วนแต่ละคนต่างมีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ไม่ว่าจะงานก่อสร้าง การเงิน การตลาด การขายและการประชาสัมพันธ์ จึงได้นำความชำนาญ ความได้เปรียบดังกล่าวมาสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการสร้างที่อยู่อาศัย จึงได้เกิดแนวคิดในการสร้างคอนโดมิเนียมแห่งแรกของบริษัท คือ MAXXI Condo ( แมกซ์ซี่ คอนโด ) กับแนวคิดการออกแบบด้วยแนวคิด LIVE IT TO THE MAX

               จึงเป็นที่มาของชื่อโครงการ MAXXI ที่เน้นความ MAX หมายถึงการจัดเต็มในทุกด้าน โดยทีม RK Plus สรรสร้างโครงการที่ตอบโจทย์ทุก Lifestyle ของชีวิต ออกแบบโครงการสไตล์ Modern & Affordable Luxury มีเอกลักษณ์ เท่ โมเดิร์น แต่แฝงไปด้วยความหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายในแนวคิด CO HAPPY SPACE

               ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำสีม่วง Amethyst สดใสพร้อมระบบ Jet System สามารถว่ายน้ำในระยะทางไร้ขีดจำกัด เพิ่มความท้าทายในการออกกำลังกาย Fitness with Boxing corner , Co – kitchen space , Co – working space , Library corner , Play zone พิเศษที่สุดกับการจัดเตรียมระบบ ซึ่งปกติไม่มีในคอนโดระดับราคานี้ อาทิเช่น Digital Door lock , ระบบ Home automation with universal remote สั่งได้ด้วยปลายนิ้ว , Double security : CCTV , RFID Access (Easy Pass ไม่ต้องเปิดกระจกรถ) & Finger Scan ก่อนเข้า Residential area

                ด้าน Room Layout สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงทุกตารางนิ้ว อาทิ ห้อง 26 ตารางเมตร มีระเบียงแบบ Double Skin ที่สามารถปรับแต่งเป็นห้องทานข้าว ห้องนั่งเล่นได้ทั้ง indoor หรือ outdoor ก็ได้ หรือห้อง 1 Bed Plus 30 ตารางเมตร ที่มีห้องเอนกประสงค์เพิ่มอีกหนึ่งห้องที่สามารถปรับเป็นได้ทั้งห้องนอน หรือทำงาน ห้องแต่งตัว เพิ่มพื้นที่ให้ผู้พักอาศัยสามารถตกแต่งห้องได้ตาม Lifestyle ของตัวเอง ด้วยราคาที่คนรุ่นใหม่จับต้องได้

              และเนื่องจากทำเลนี้ เป็นทำเลที่ยึดตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ใช้เวลาเพียง 3 นาที สามารถเดินทางถึงสถานี ถือว่าเป็นสายที่สำคัญและเป็นกระดูกสันหลังของรถไฟฟ้า ต่อเดียวสามารถเข้าเมืองไปถึงสยาม ใจกลางกรุงเทพ ทั้งยังมีทำเลที่ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ , มหาวิทยาลัยศรีปทุม , โรงพยาบาลเปาโล , โรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน และแหล่งงานมากมาย อาทิ ธอส. , กรมป่าไม้ หรือแม้กระทั่งบริษัท RS สำนักงานใหญ่ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือกลุ่มคนทำงาน อายุ 27 ปี ขึ้นไป กลุ่มเป้าหมายรอง คือ นักศึกษา ม.เกษตร , ม.ศรีปทุมฯ และใกล้เคียง รวมไปถึงกลุ่มนักลงทุนที่เล็งเห็นศักยภาพในทำเลนี้ด้วย

                โดยพื้นที่โครงการทั้งหมด 2-0-31 ไร่ เป็นโครงการ Low rise จำนวน 8 ชั้น รวม 249 ยูนิต ประกอบด้วยห้อง Studio ขนาด 22 ตารางเมตร , 1 Bedroom ขนาด 26-30 ตารางเมตร และ Two Bedrooms ขนาด 34-37 ตารางเมตร พื้นที่ส่วนกลางอาคาร Club house หรือ CO HAPPY SPACE แยกจากที่พักอาศัย จำนวน 2 ชั้น พร้อม Rooftop Garden และพื้นที่เล่นโยคะ

                โดยทิศหน้าอาคารหันในทิศดี ตามหลักฮวงจุ้ย ที่อยู่แล้วมีความก้าวหน้าทั้งหน้าที่การงานและการเงิน จอดรถได้ 79 คัน คิดเป็น 32 % ( ไม่ซ้อนคัน ) ราคาห้องเริ่มต้อนที่ 1.29 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการประมาณ 450 ล้าน และพิเศษสุดในวัน Pre-Sale ที่ผ่านมา มีการจับฉลาก ห้องโปรโมชั่น ขนาด 22 ตารางเมตร จำนวน 2 รางวัล ราคาเพียง 9.99 แสนบาท

                  สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 นี้ แม้จะไม่หวือหวามากนัก ด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัญหาหนี้เสียรวมถึงปัญหาการปฎิเสธการอนุมัติเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารที่ค่อนข้างสูง แต่บริษัทฯได้ทำการศึกษาตลาดมาเป็นอย่างดีเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้มากที่สุด โดยยึดหลัก สร้างบ้านให้เหมือนกับเรามาอยู่อาศัยเอง ทำอย่างดีที่สุดจากใจ โดยจากยอดลงทะเบียนผู้สนใจที่ตอนนี้มีประมาณ 1,500 รายชื่อ ซึ่งเหนือความคาดหมายมาก บริษัทฯ จึงตั้งเป้าปิดการขายภายในสิ้นปี 2560 นี้ และมั่นใจว่าจะได้ยอดโอนตามเป้า โดยยึดหลักเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่หวือหวา และไม่ต้องเร็ว

นายวรวุฒิ กล่าว

                  นายวรวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีแผนซื้อที่ดิน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเจรจาอีกหนึ่งแปลง และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการใหม่อีกแปลงหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทฯ ต้องทำการศึกษาเพื่อหาที่ดินที่เหมาะสม และอยู่ในงบประมาณที่สามารถนำมาพัฒนาให้ลูกบ้านได้เต็ม MAX ราคาจับต้องได้จริง และหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จตามเป้า ก็น่าจะเห็นเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่องอาจจะมี MAXXI 2 หรือ MAXXI Premium ให้เห็นเร็วๆนี้ก็เป็นได้

               สำหรับภารกิจต่อจากนี้ไปในอีก 3-5 ปี เราคงจะพยายามพัฒนาโปรเจคใหม่ที่ใหญ่ขึ้นและหลากหลาย อาจรวมไปถึงมีการผสมอสังหาริมทรัพย์แนวราบเข้ามาด้วย เพราะแนวราบจะได้เรื่อง Cash flow เข้ามาค่อนข้างเร็ว แต่ยังคงเน้นไปที่คอนโด รวมไปถึงตลาดต่างชาติ ที่บริษัทฯ มีคอนเนคชั่นอยู่ในระดับหนึ่ง ก็คิดว่าน่าจะได้เห็นอะไรใหม่อย่างแน่นอน

              ทั้งนี้ RK Plus เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของ RK GROUP บริษัทพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย จนเป็นที่ยอมรับมาแล้วกว่า 40โครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว โฮมออฟฟิศ และทาวน์โฮม ในโซนฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ด้วยความยึดมั่นในคุณภาพ ความซื่อสัตย์และวิสัยทัศน์ของทีมบริหาร จึงทำให้ RK GROUP อยู่คู่วงการอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 40 ปี

 

ที่มา : www.ryt9.com/s/prg/2664612     /    ภาพ : Homenayoo

Leave a Reply