เฮ! โครงการ บ้านราคาถูก เห็นแววคืบหน้า

 

บ้านราคาถูก

เฮ! โครงการ บ้านราคาถูก เห็นแววคืบหน้าแล้ว          

           สำหรับโครงการ บ้านราคาถูก ล่าสุดนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงโครงการซึ่งเป็นนโยบายของ รมว.คลัง โดยมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เข้าร่วมด้วย ว่า สศค.ตั้งเป้าหมายอีก 10 ปีข้างหน้า จะก่อสร้างให้ได้ 1 ล้านยูนิต นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นกรมจะพิจารณาค่าเช่าที่ดินราชพัสดุ สำหรับโครงการบ้านราคาถูก ในราคาที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยปัจจุบันอัตราค่าเช่าต่ำสุดของกรมธนารักษ์ที่ให้ประชาชนเช่าอยู่ที่ 50 สตางค์/ตารางวา/เดือน

           นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงโครงการสร้างบ้านราคาถูก ซึ่งเป็นนโยบายของ รมว.คลัง โดยมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เข้าร่วมด้วย ว่า สศค.ตั้งเป้าหมายอีก 10 ปีข้างหน้า จะก่อสร้างให้ได้ 1 ล้านยูนิต ทั้งนี้ สำหรับโครงการบ้านราคาถูก กระทรวงการคลังต้องการวางรูปแบบให้เป็นหนึ่งของ Social enterprise หรือการลงทุนในลักษณะกิจการเพื่อสังคม โดยให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างบ้านราคาถูกให้กับประชาชน โดยอาจมีกำไรแต่ไม่มาก ซึ่งรูปแบบการลงทุนเท่าที่พิจารณาอยู่ในขณะนี้ก็คือ 1. การนำที่ดินราชพัสดุ ที่อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ มาให้เช่าแก่ภาคเอกชน เพื่อทำโครงการบ้านราคาถูก โดยให้เช่าในราคาที่ต่ำมาก เพื่อลดต้นทุนค่าที่ดิน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่สูงในโครงการที่อยู่อาศัย โดยประชาชนที่ซื้อบ้านในโครงการนี้ ถือเป็นผู้เช่าระยะยาว (Leasehold) รูปแบบที่ 2 คือ ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ทั้งค่าก่อสร้างและการจัดซื้อที่ดิน แต่เพื่อให้ราคาบ้านอยู่ในระดับที่คนจนเช่าซื้อได้ ภาคเอกชนสามารถเสนอขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ เช่น การขอสนับสนุนเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษที่ทำให้ต้นทุนโครงการลดต่ำลง

           นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นกรมจะพิจารณาค่าเช่าที่ดินราชพัสดุ สำหรับโครงการบ้านในราคาที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยปัจจุบันอัตราค่าเช่าต่ำสุดของกรมธนารักษ์ที่ให้ประชาชนเช่าอยู่ที่ 50 สตางค์/ตารางวา/เดือน “ปัจจุบันกรมธนารักษ์กำลังสำรวจที่ดินกว่า 300 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 30,000 ไร่ เพื่อคัดเลือก สำหรับโครงการดังกล่าว ซึ่งในจำนวนแปลงที่ดินดังกล่าวมีแปลงที่อยู่ใน กทม. 3-4 แปลง โดยแปลงที่ดินที่จะมีศักยภาพ ที่จะทำโครงการดังกล่าวได้ จะต้องเป็นแปลงที่ดินที่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นระบบน้ำประปา ไฟฟ้า และถนน สามารถเชื่อมต่อได้ในระยะที่ไม่ไกลมากนัก”.

แหล่งที่มา: www.thairath.co.th

Leave a Reply