ธุรกิจรับสร้างบ้าน พีดี เฮาส์ ปรับกลยุทธ์ เพิ่มเป้าแม้ติดลบ

ธุรกิจรับสร้างบ้าน

ธุรกิจรับสร้างบ้าน

         ธุรกิจรับสร้างบ้าน อย่าง พีดี เฮ้าส์ ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ 360 องศา วางแผนรับมือใหม่ เนื่องจากเศรษฐกิจซบเซาเหลือเกิน เปิดเผยรายได้หลุดเป้าอย่างแรง ติดลบ 22% กัดฟันตั้งเป้ารายได้สูงขึ้นท้าทายตัวเอง  ตามด้วยออกสินค้าใหม่บ้านโครงสร้างเหล็กกล้า-หั่นแบบบ้านไซส์เล็กเจาะลูกค้าเรียกดีมานด์ โฟร์พัฒนา ซุ่มออกแบบบ้าน 10 ล้านเจาะลูกค้ากำลังซื้อสูง สุดท้าย รอแยลเฮ้าส์ ปลื้มปี58 ไร้ข้อติจากลูกค้า เตรียมแผนการตลาดเชิงรุกจัดอีเวนต์ถี่ยิบ

            นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลประกอบการ ธุรกิจรับสร้างบ้าน ปี 2558 มีรายได้รวม 1,200 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 1,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตติดลบ 22% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น โดยระดับราคาก่อสร้างบ้านส่วนใหญ่อยู่ที่ 4-5 ล้านบาท มีสัดส่วน 70% เทียบกับปีที่ผ่านมาราคาบ้านส่วนใหญ่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท

            พีดี เฮ้าส์บุก ธุรกิจรับสร้างบ้าน ไซส์เล็ก ทั้งนี้ จากการประเมินแนวโน้มปี 2559 จะเห็นว่ามีสัญญาณบวกในช่วงไตรมาส 4/58 เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม มองไป ข้างหน้าในปีนี้ตลาดรับสร้างบ้านยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน ต้องรอลุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

            สำหรับบริษัทมีการปรับกลยุทธ์การแข่งขันให้เหมาะสม ล่าสุดเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การสร้างบ้านด้วยโครงสร้างเหล็กกล้า หรือ PD Steel House จากเดิมสร้างจากคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยราคาจะอยู่ประมาณ 1-3 ล้านบาท เป็นบ้านขนาดเล็กแต่ยังมีความแข็งแรงอยู่ รวมทั้งปรับโปรดักต์แบบบ้านให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า เรียลดีมานด์ที่คาดว่ากำลังซื้อจะลดลง ดังนั้น แบบบ้านจึงเน้นออกแบบให้มีขนาดเล็กลง เช่น บ้านเดี่ยวชั้นเดียว

           นายสิทธิพรกล่าวต่อว่า การเปิดสาขาใหม่ในปีที่ผ่านมามีเพียง 1 สาขา จากเป้าที่ตั้งไว้ 3-4 สาขา ส่วนปีนี้ตั้งเป้า ธุรกิจรับสร้างบ้าน ขยายสาขาเพิ่ม 2-3 สาขา ในพื้นที่ภาคกลางและ ภาคอีสาน โดยจังหวัดที่สนใจมีทั้งลพบุรี สิงห์บุรี เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ศรีสะเกษ ชัยภูมิ

          “ไตรมาส 1/59 ยังไม่มีการเปิดสาขาใหม่ อยากรอดูสถานการณ์ก่อน ซึ่งกำลังจะมีงานมหกรรมสร้างบ้านและวัสดุก่อสร้าง ระหว่าง 27-31 ม.ค.นี้ จะเป็นตัวกำหนดได้ว่าผู้บริโภคมีกำลังซื้อเป็นอย่างไร” นายสิทธิพรกล่าว

 

โฟร์พัฒนาจับบ้าน 10 ล้าน

           นายปราโมทย์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2558 มียอดรับรู้รายได้ 486 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 622 ล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้า 21.8% เนื่องจากเศรษฐกิจทรงตัว ส่งผลกระทบให้ลูกค้าชะลอการใช้จ่ายตามไปด้วย ส่วนปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 547 ล้านบาท จะเห็นว่าเป็นเป้าหมายที่มีการเติบโตจากปีที่แล้ว จึงต้องทำงานหนักขึ้น และระมัดระวังในเรื่องการทำตลาดด้วย

           โดยแนวโน้มตลาดปีนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาขาดแคลนแรงงานในไซต์ก่อสร้าง เพราะถ้ามีการประมูลเมกะโปรเจ็กต์จะทำให้งานภาครัฐมาแย่งคน คาดว่าจะเกิดในช่วงครึ่งปีหลัง ในขณะที่ราคาน้ำมัน ขาลงเป็นปัจจัยบวก ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งคงที่หรือไม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากไซต์ก่อสร้างกระจายทำเลครอบคลุมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ดังนั้น ปีนี้บริษัทรับสร้างบ้านจึงต้องทำธุรกิจอย่างระมัดระวัง

         โฟร์พัฒนาจะมีการทำแผนการตลาดเชิงรุกให้มากขึ้น มีทั้งการนำเสนอแบบบ้าน รุ่นใหม่ ๆ ให้มากขึ้น เช่น บ้าน 10 ล้านขึ้นไป เพราะเป็นกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง เสริมด้วย การบริการออกแบบพิเศษเฉพาะราย เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่สำรวจมา กลุ่มสร้างบ้านตลาดบนมีความต้องการแบบบ้านที่แตกต่างไม่เหมือนใคร”

 

รอแยลเฮ้าส์จัดอีเวนต์ถี่ยิบ

          นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมรายได้ปี 2558 มีประมาณ 800-900 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 950 ล้านบาท หรือประมาณ 5% เนื่องจากเศรษฐกิจซบเซา สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 1,000 ล้านบาท เป็นการตั้งเป้าท้าทายทีมงานแม้เศรษฐกิจอาจจะยังไม่ดีขึ้นมาก บริษัทเน้นในเรื่องมาตรฐานงานก่อสร้างและการบริการให้ได้คุณภาพ โดยปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่บริษัทไม่ได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการก่อสร้างบ้านเลย ผลจากเรื่องนี้มองว่าจะเป็นส่วนช่วยให้ลูกค้ามีความมั่นใจบริษัทมากยิ่งขึ้น

          ส่วนแนวโน้ม ธุรกิจรับสร้างบ้าน ในครึ่งปีแรกยังไม่สดใส เป็นไปตามภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาภัยแล้ง การส่งออกไปตลาดต่างประเทศ อาทิ ยุโรป อเมริกา มีปัญหากีดกันการค้ามาจากปัจจัยการเมืองภายในประเทศไทย ในขณะที่ครึ่งปีหลังน่าจะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนขนาดใหญ่ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของ ผู้บริโภคดีขึ้น ทำให้กล้าตัดสินใจสร้างบ้าน มากขึ้น

         “กลยุทธ์ปีนี้ต้องทำงานเหนื่อยขึ้น เน้นทำการตลาดทางตรงหรือไดเร็กต์ มาร์เก็ตติ้งมากขึ้น มีการออกบูทจัดอีเวนต์ ถี่ขึ้นตลอดทั้งปี เพื่อใกล้ชิดผู้บริโภคและสามารถให้คำปรึกษาลูกค้าได้โดยตรง” นายศักดากล่าว

 

ที่มา www.reic.or.th

Leave a Reply