สัมภาษณ์ อุเทน แนวคิดการบริหารคนคือหัวใจสำคัญ
ในยุคที่บิ๊กแบรนด์ขย่มตลาดและเชื่อว่าพื้นที่ของรายกลาง-เล็กจะหดลงทุกที แต่“ปริญสิริ” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ครบรอบก่อตั้ง 16 ปี ในปีนี้มั่นใจว่ายังมีที่ยืนให้กับธุรกิจขนาดกลาง แต่ต้องสร้างความแข็งแกร่งองค์กร เก็บกวาดภายในบ้านให้เรียบร้อยพร้อมลุยตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย
บทความพิเศษ สัมภาษณ์ อุเทน คงสุนทรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) อดีตแบงเกอร์ที่ขึ้นมาคุมงานปริญสิริเมื่อปี”57 ถึงภารกิจปรับการทำงานภายในองค์กรขนานใหญ่ปีนี้
– โจทย์ใหญ่ที่กำลังทำปีนี้
เป็นเรื่องปรับโครงสร้างภายใน จากเดิมปริญสิริแบ่งแผนกในองค์กรตาม Functional Base แบ่งตามฝ่ายงานที่ทำ เช่น ก่อสร้าง การขาย การตลาด ฝ่ายไอที กฎหมาย ฯลฯ แต่ต้นปีมาเราได้ปรับโครงสร้างให้เป็น BU (Business Unit) หรือกลุ่มธุรกิจ เป็นเสมือนบริษัทย่อย ๆ แบ่งตามกลุ่มพื้นที่ 4 กลุ่ม คือ รามอินทรา พระราม 2 ศาลายา และรัตนาธิเบศร์ ในแต่ละ BU จะมีฝ่ายที่เป็น Functional Base ของตัวเอง ไม่ว่าก่อสร้าง การขาย การตลาด แต่ถ้าเป็นหน่วยสนับสนุนก็ยังใช้กองกลาง เช่น ไอที กฎหมาย
ซึ่ง BU เป็นการจัดองค์กรทั่วไป หลายบริษัทแบ่งตามแบรนด์หรือประเภทสินค้า แต่บริษัทเราแบรนด์ยังไม่ใหญ่พอ การแบ่งตามพื้นที่น่าจะเหมาะกว่าเพราะพนักงานในพื้นที่รู้จักตลาดของตัวเองดี และยังมีไซต์แต่ละทำเลไม่มาก 3-4 โครงการต่อ BU ทำให้บริหารได้ ไม่หนักเกินไป ถ้ามีทำเลใหม่ ๆ เข้ามาก็ยังนับรวมในทำเลหลักได้ เช่น ปีนี้มีคอนโดฯ ใหม่ที่ตลาดพลู ก็จะถูกรวมใน BU พระราม 2
– คีย์ซักเซสอยู่ที่คน
ครับ การทำงานแบบเดิม ๆ ไม่ได้ทำงานเป็นทีมที่เข้มข้นพอ หน้าที่ใครก็สนใจทำแต่งานตนเอง ทำให้เขาไม่ได้ใส่ใจ Bottom Line หรือผลกำไร-ขาดทุนสุทธิ แต่เมื่อแบ่งเป็น BU แต่ละกลุ่มมีผลกำไรขาดทุนของกลุ่มตัวเอง กระตุ้นการแข่งขันระหว่างหน่วย วัดผลงานกันที่กำไรของแต่ละกลุ่ม เป็นการสร้างวัฒนธรรมให้ทุกคนทุกหน้าที่สนใจกำไร ให้พิจารณาร่วมกันในการคุมค่าใช้จ่ายทุก ๆ ฝ่าย
อีกอย่างหนึ่งคือการรั่วไหลในองค์กรยากขึ้น เพราะหัวหน้า BU ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด เป็นสิ่งที่ช่วยขันนอตปัญหาค่าก่อสร้างที่เคยเกิดขึ้นในบริษัทด้วย
แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอีก 1-2 ปีกว่าการทำงานจะไหลลื่น ตอนนี้ทุกคนยังต้องปรับให้เข้ากับการทำงานแบบใหม่ เพราะไม่ใช่แค่ปรับองค์กรแล้วจบ ต้องสร้างความเป็นทีมขึ้น ล่าสุดปริญสิริพาพนักงานไปทำซีเอสอาร์ (กิจกรรมเพื่อสังคม) สร้างฝายและปลูกป่าร่วมกันที่พะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และสัมมนาเรื่องแนวคิดทำงานเป็นทีม เราเป็นบริษัทเล็กต้องพยายามทำให้ทุกคนร่วมมือกันมากที่สุด
แล้วต้องส่งเสริมคนอย่างมาก ตอนนี้เรามีทุนการศึกษาให้เรียนต่อปริญญาโทด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2-3 ทุนต่อปี พนักงานทุกคนสามารถมาสอบชิงทุนได้ ส่วนพนักงานขายได้รับการอบรมด้านการขายใหม่หมด มีที่ปรึกษามาช่วยทำโปรแกรมการเรียนให้ เรียนช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ 24-28 สัปดาห์
ที่ต้องไปจี้เรื่องการขายเพราะมองว่านี่คือ “องค์ประกอบสร้างความสำเร็จ” อย่างหนึ่งของอสังหาฯ เมื่อก่อนแค่โครงการอยู่ในทำเลดีก็ขายได้ แต่วันนี้ไม่ใช่ เพราะคู่แข่งเราเผลอนิดเดียวก็มาตั้งไซต์อยู่ข้าง ๆ แล้ว พนักงานขายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ลูกค้าเข้ามาดูโครงการ อย่างเก่งก็อยู่กับเราได้ 1 ชั่วโมง ในเวลาแค่นี้เราจะบอกอะไรให้เขาเห็นสิ่งที่ดีของโครงการเราได้ พนักงานขายจึงสำคัญ
– กลยุทธ์แข่งขันของรายกลาง
ผมมองแบบนี้ รายใหญ่เขาเหมือนเรือลำใหญ่เวลาออกทะเลเขาไม่ค่อยสะเทือน เรือลำเล็กมีโอกาสโคลงเคลงตามสภาพแวดล้อมมากกว่า แต่เรือลำเล็กปรับตัวได้คล่องแคล่วกว่า จึงมีทั้งจุดดีและจุดด้อย ทุกบริษัทต้องเลือกจุดยืนให้ถูก รายเล็กก็มีจุดแข็งของตัวเอง อยู่ดี ๆ จะไปวิ่งแข่งแบบเดียวกับรายใหญ่คงเป็นไปไม่ได้
ถ้ามองจุดยืนของปริญสิริ เราเชื่อในฟังก์ชั่นบ้านของเรา เช่น ทาวน์เฮาส์บรรยากาศเหมือนบ้านเดี่ยว เพดานทุกโปรดักต์ต้องไม่ต่ำกว่า 2.8 เมตร แม้แต่ในคอนโดฯ เป็นที่มาให้คอนโดฯ ที่เป็นตึกเตี้ยของบริษัทมักจะมี 7 ชั้น รวมถึงบริษัทมีคอนเซ็ปต์รักษาสิ่งแวดล้อม เราเป็นคนนำเสนอแนวคิดออกซิเจน คอมมิวนิตี้ พื้นที่สีเขียวในโครงการจะให้มากกว่ากฎหมายกำหนดทุกโครงการ
– ทิศทางเติบโตใน 5 ปี
เราไม่หวังโตก้าวกระโดด ต้องการโตแบบค่อยเป็นค่อยไป รายได้เพิ่มไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปีก็พอใจ เพราะอยู่ในช่วงปรับภายในองค์กร แต่เห็นแล้วว่ามีทิศทางที่ดี ปีนี้มีเป้าหมายยอดขาย-รายได้ 2,900-3,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกมียอดขายแล้ว 1,500 ล้านบาท คาดว่ากำไรสุทธิดีขึ้นจากปีก่อน การเปิดโครงการ 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,800 ล้านบาทก็ยังเดินได้ตามแผน
ส่วนสิ่งที่เห็นเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ คือ ปริญสิริกำลังจะรีแบรนดิ้งใหม่ ได้เห็นกันปีหน้าแน่นอนครับ