รัฐคอนเฟิร์ม รถไฟฟ้าสายสีม่วง พร้อมใช้ เล็งอสังหาฯ แนวสูง ราคาทะยานฟ้า เจาะลึก 10 คอนโดฯ เด่นใกล้รฟม. ไม่เกิน 500 เมตร ที่จะสร้างเสร็จ ปี 59-61 ต้อนรับ 16 สถานีรถไฟฟ้า ด้านศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้ คนซื้อบ้าน-คอนโดฯ เพิ่มขึ้น ไม่เกี่ยวกับ 3 นโยบายกระตุ้นอสังหาฯของรัฐ แท้จริงเพราะกระแสจากธนารักษ์ประเมินที่ดินใหม่ ยัน ปี 59 แนวโน้มราคาที่ดินส่วนใหญ่เพิ่มจะไม่จริง
สำหรับผู้อ่านทุกท่าน ที่เคลมตนเองว่า เป็นนักลงทุนหรือนักเก็งกำไรด้านอสังหาริมทรัพย์ คงจะไม่มีใคร ไม่เคยได้ยินเรื่อง “มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ” ของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ดูเหมือนจะเป็นปรากฏการขั้น Epic ในวงการอสังหาฯ ก็ว่าได้ กับ 3 นโยบายสั้นๆ แต่ทรงพลังอย่าง “ปล่อยกู้ง่ายขึ้น” “ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง” “ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” ซึ่งในรายละเอียดปลีกย่อย ผู้อ่านที่ติดตามข่าวสารด้านอสังหาฯ อยู่เป็นประจำคงจะทราบดีอยู่แล้ว และเชื่อว่าหลายท่านคงเคยเห็นกระแสต่างๆ ในสังคม(ออนไลน์) มากมายที่ช่วยตอบรับมาตรการดังกล่าวนี้ของรัฐบาล โดยเฉพาะผู้ประกอบการและบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ระดับบิ๊กไซด์ ที่รีบคว้าโอกาส ผุดโครงการใหม่ๆ โหนนโยบายภาครัฐกันอย่างเต็มที่ โดยอาจจะมองเห็นว่าปีหน้า ยอดขาย ยอดจอง คนที่สนใจจะซื้อบ้าน คงเพิ่มขึ้นเป็นแน่ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนั้น ก็ยังไม่ถูกเสียทีเดียวครับ
ที่มาภาพ bankumka.com
จากศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย เผยแนวคิดสำคัญเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า 3 มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐบาล ไม่ได้มีผลต่อการซื้อบ้านของผู้บริโภคมากนัก ยิ่งห้องชุดที่เป็นสินค้าส่วนใหญ่ แม้จะตัดสินใจซื้อวันนี้ก็ยังสร้างไม่เสร็จทันที อาจจะอีก 1-3 ปี ข้างหน้าเสียด้วยซ้ำไป หากพิจารณาถึงระยะเวลาที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จ จะพบว่า ที่อยู่อาศัยที่จะสร้างเสร็จภายในปี 2559 มี 139,359 หน่วย (29%) ที่จะสร้างเสร็จในปี 2560 มี 83,256 หน่วย (17%) และที่จะสร้างเสร็จในปี 2561 มี 50,047 หน่วย หรือ 10% ดังนั้นรวมแล้วที่จะสร้างเสร็จหลังปี 2558 มีถึง 272,663 หน่วย หรือ 56% หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งชองอุปทานทั้งหมดเลยทีเดียว ส่วนที่อยู่อาศัยที่เปราะบางที่สุดก็คือห้องชุด เพราะมีสัดส่วนที่ยังสร้างไม่เสร็จในปี 2558 และจะทยอยสร้างเสร็จในปี 2559, 2560 และ 2561 ถึง 70% ของหน่วยขายรวมทั้งหมด รองลงมาคือทาวน์เฮาส์ 61% หรือ 69,443 หน่วย ส่วนบ้านเดี่ยวอาจมีน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง เพราะมีเป็นจำนวนมากที่สร้างไปขายไป ไม่ได้รอการสั่งสร้างเสียทีเดียว ทั้งนี้ยกเว้นตึกแถว และที่ดินจัดสรรซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยส่วนน้อยมาก สินค้าเหล่านี้จึงไม่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการระยะสั้นนี้
ที่มาภาพ : www.tnews.co.th
ปัจจัยจริงๆ ที่ทำให้คนแห่โอน ในช่วงนี้มาจาก การเพิ่มขึ้นของรอบราคาประเมินที่ดินใหม่ ที่จะใช้ในปี 2559 ถึงปี 2562 ซึ่งตามข่าวกล่าวว่าราคาเพิ่มขึ้น 25% ทำให้เกิดการโอนกันมากมายเป็นประจำในช่วงปลายปีเช่นนี้ โดยเฉพาะในวันก่อนสิ้นปี จะมีการโอนกันถึงประมาณเที่ยงคืนอยู่หลายต่อหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา เพราะฉะนั้น หากนักลงทุนหรือนักเก็งกำไรด้านอสังหาฯ จะคาดการณ์แนวโน้มในปี 59 อยากให้มองจากหลายแง่มุม นโยบายรัฐบาลอย่างเดียว หรือกระแสความนิยม กระแสข่าวปากต่อปาก ยังไม่สามารถให้หลักประกันและความมั่นใจของท่านได้เพียงพอ นักลงทุนคอนโดฯ หลายต่อหลายคนพลาดท่ามานักต่อนัก เนื่องจาก ลืมพิจารณาไปถึง Demand ของผู้บริโภคขั้นท้ายที่สุดที่จะซื้อ/เช่าอยู่เอง
สำหรับผู้อ่านที่คิดว่า ในปี 2559 “ราคาประเมินที่ดินของราชการ” จะเพิ่มขึ้นอีกนั้น ให้ลองถอยออกมา 1 ก้าว แล้วมองภาพรวมจาก 3 ปัจจัยนี้ พร้อมๆ กันครับ (แถลงการณ์จากศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย)
ประการแรก
ราคาประเมินที่ดินของทางราชการถึงแม้จะเพิ่มขึ้น 25% ก็เป็นการเพิ่มขึ้นในรอบ 4 ปี ราคาตลาดเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่านี้ และที่สำคัญราคาประเมินของทางราชการต่ำกว่าราคาตลาดเป็นอย่างมาก ทำให้การปรับเพิ่มของราคาที่ดินของทางราชการจึงไม่มีผลใด ๆ
ยกตัวอย่างเช่น
ราคาที่ดินที่แพงที่สุดในย่านสีลม ทางราชการประเมินไว้ 800,000 บาทต่อตารางวาเมื่อปี 2555-2558 ราคาในปี 2559-2562 ประเมินเป็น 1 ล้านบาทต่อตารางวา ในขณะที่ราคาตลาดในปี 2559 น่าจะเป็น 1.7 ล้านบาทต่อตารางวา
ซึ่งดำเนินการมาทุกปีตั้งแต่ปี 2537 ส่วนราคาที่ดินที่แพงที่สุดตามราคาตลาด คือบริเวณสยาม ชิดลม เพลินจิต จะมีราคา 1.9 ล้านบาทต่อตารางวาในปี 2559 ในขณะที่ทางราชการประเมินไว้เพียง 9 แสนบาทต่อตารางสำหรับปี 2559-2562
ประการที่สอง
สำหรับราคาค่าก่อสร้างอาคารในรอบ 1 ปีที่ผ่านมากลับลดลง 6.1% โดยเหล็กปรับลดลงมากที่สุด 18.2% และในรอบ 9 เดือนของปี 2558 ราคาค่าก่อสร้างโดยรวมก็ปรับลดลง 4.6% ซึ่งราคาค่าก่อสร้างนี้รวมทั้งค่าแรงและค่าวัสดุแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีแนวโน้มว่าราคาที่อยู่อาศัยจะเพิ่มขึ้นในขณะที่ราคาค่าก่อสร้างลดลง และในปีหน้าก็ไม่มีแนวโน้มว่าราคาค่าก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ประการที่สาม
ภาวะเศรษฐกิจในปี 2558 คาดว่าจะเจริญเติบโตไม่มากนัก คือประมาณ 2.5% (ตามธนาคารโลก) ส่วนในปีหน้าบางสำนักก็คาดว่าจะมีการเจริญเติบโตมากขึ้น แต่บางสำนักก็คาดว่าจะมีแนวโน้มหดตัวลงอีก ดังนั้นกำลังซื้อจึงยังมีจำกัด โอกาสที่จะขึ้นราคาที่อยู่อาศัยจึงเป็นไปได้ยาก
ดังนั้นการที่เราเห็นกระแสต่างๆ เชียร์ให้ซื้อ หรือจูงใจให้ลงทุนอสังหาฯ โดยให้เหตุผลว่าราคาที่อยู่อาศัยในปี 59 จะสูงขึ้น ก็คงอาจจะเป็นแค่เพียงการรณรงค์ของภาครัฐ ที่ร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อกระตุ้นให้มีการซื้อที่อยู่อาศัยในขณะนี้เพิ่มขึ้นเท่านั้น สาเหตุที่กล่าวมานี้ ไม่ใช่เพื่อห้าม หรือจะสกัดดาวรุ่ง ไม่ให้ซื้อคอนโด หรือบ้านแต่อย่างใดนะครับ ผู้เขียนเพียงนำเสนออีกแง่มุมต่อนักลงทุน อย่างตรงไปตรงมา ทุกอย่างมี 2 ด้าน ข้อดี ข้อเสีย ในแง่ของนักอสังหาฯ เราควรพิจารณาให้รอบคอบ อะไรเสี่ยง อะไรคุ้ม ไม่คุ้ม ก็ว่ากันไปตามตรงครับ
ที่มาภาพ : ไทยรัฐTV
มาถึงตรงนี้ หวังว่าผู้อ่านหลายท่าน คงยังไม่ถอดใจนะครับว่า ปี 59 จะมีแต่เรื่องเสี่ยงรึปล่าว ความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์จะไปในทิศทางที่ดีบ้างไม่ได้เลยเหรอ นี่ไงครับ เรามาถึงข่าวดีกันแล้ว นั่นก็คือ เรื่อง รถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่กำลังจะเปิดให้บริการแน่ๆ (ย้ำว่าแน่ๆ เพราะเลื่อนมาหลายครั้งแล้ว) แบบเต็มรูปแบบ Full Option ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าใช้บริการได้เลย ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค. 59 ครับ เรียกได้ว่าฉลองวันแม่ เอาฤกษ์เอาชัยกันเลยทีเดียว โดย ณ ตอนนี้ ที่ผู้อ่านกำลังอ่านอยู่ขณะนี้ งานก่อสร้างทั้งหมดสร้างเสร็จแล้วนะครับ เหลือแค่งานทดสอบระบบ และส่งมอบขบวนรถไฟฟ้า ที่ต้องใช้เวลามากหน่อย โดยเฉพาะการทดสอบระบบการวิ่งของ รถไฟฟ้าสายสีม่วง สาเหตุที่ต้องใช้เวลาทดสอบนานก็เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้บริการนั่นเองครับ
จากข้อมูลข้างบน กูรูอสังหาฯ ที่ซุ่มอ่านอยู่คงไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากมากความ เอาง่ายๆ คือ ที่ดินและอสังหาฯที่อยู่แนว รถไฟฟ้าสายสีม่วง ปี 59 นี้จะมีราคาพุ่งสูงขึ้นชัวร์ ไม่ต้องใช้คำว่า “แนวโน้ม” play safe กันอีกแล้วครับ ก่อนลงรายละเอียดย้ำว่า “ราคาสูงขึ้น” เป็นคนละประเด็นกับ “น่าลงทุนหรือไม่” เพราะต้องดูและวิเคราห์ด้านปัจจัย อุปสงค์ อุปทาน อีกครับ ซึ่งโครงการ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่สร้างเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการนี้ ยังไม่ใช่ทั้งสายสีม่วงแบบสมบูรณ์ทั้งสาย แต่เป็นแค่ช่วง บางใหญ่ – เตาปูน เป็นรถไฟรูปแบบทางยกระดับทั้งหมด ระยะทางประมาณ 23 กิโลเมตร เป็นแนวยาว มีจำนวน 16 สถานี มีข้อมูลดังนี้ครับ
(*หมายเหตุ ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อ “สถานีศรีพรสวรรค์” เป็น “สถานีบางกระสอ”)
ที่มาภาพ : news.mthai.com
ชื่อสถานี รถไฟฟ้าสายสีม่วง คลองบางไผ่ – ตลาดบางใหญ่ – สามแยกบางใหญ่ – บางพลู – บางรักใหญ่ – ท่าอิฐ – ไทรม้า – สะพานพระนั่งเกล้า – แยกนนทบุรี 1 – บางกระสอ – ศูนย์ราชการนนทบุรี – กระทรวงสาธารณสุข – แยกติวานนท์ – วงศ์สว่าง – บางซ่อน – เตาปูน
เริ่มจากบริเวณคลองบางไผ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า ถนนวงแหวนรอบนอก (ตะวันตก) กาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนรัตนาธิเบศร์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้สะพานพระนั่งเกล้า ก่อนถึงสี่แยกแครายจะเลี้ยวขวาไปตามถนนติวานนท์เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนกรุงเทพ – นนทบุรี ถึงบริเวณแยกเตาปูน มีสถานีเตาปูนเป็นสถานีเชื่อมต่อกับสถานีบางซื่อของรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT) และในอนาคตจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ – ท่าพระ และ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ ครับ
และเมื่อกล่าวถึงในแง่มุมของการเก็งกำไรอสังหาฯ หากได้ทราบถึงข่าวความเคลื่อนไหวของโครงการ รถไฟฟ้าสายสีม่วง แล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่จะตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าเหยี่ยวอสังหาฯ ก็คือ บรรดาคอนโดที่ใกล้แนว รถไฟฟ้าสายสีม่วง โดยผู้เขียนได้ค้นหาเลือกเฟ้นเฉพาะคอนโดที่กำลังจะสร้างเสร็จ(คาด) ปี 59 นี้มาให้ผู้อ่านที่สนใจทุกท่าน จะมีคอนโดไหนบ้างนั้น ขอนำเสนอดังนี้ครับ
The Connexion 2 รัตนาธิเบศร์
เป็นคอนโดฯ Low Rise 8 ชั้น 117 unit เจาะกลุ่มรายได้น้อยถึงปานกลาง ใกล้ รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี และสถานีบางกระสอ ประมาณไม่เกิน 200 เมตร โดย สถานีศูนย์ราชการ ในอนาคตจะเป็น Interchange ถึง 3 สาย ราคาเริ่มต้น 1.35 ล้าน และเฉลี่ย 48,200 บาทต่อตารางเมตรครับ ส่วนสถานที่สำคัญในพื้นที่ ผู้เขียนขอพูดแค่ Top 3 ได้แก่ 1. ศูนย์ราชการนนทบุรี 2. ห้าง BigC/Central รัตนาธิเบศร์ 3. Esplanade/Tesco Lotus ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมดูต่อได้ที่ http://phaseii.connexioncondo.com/main.php
Vio แคราย 2
เป็น Low Rise 8 ชั้น อีกแล้วครับ 122 unit เจาะกลุ่มรายได้ปานกลาง ห่างจากจุดขึ้นลง สถานี รถไฟฟ้าสายสีม่วง ศูนย์ราชการนนทบุรี ประมาณไม่เกิน 500 เมตร ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้าน และเฉลี่ย 65,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วน Top 3 สถานที่สำคัญ ก็มี สถานีตำรวจ ไม่เกิน 500เมตร ห้างสรรพสินค้า ไม่เกิน 3 กม. และโรงพยาบาล ไม่เกิน 5 กม.ครับ ถ้า End-User จะซื้อก็ต้องเหมาะกับคนที่หาบ้านย่านแคราย มีใช้รถส่วนตัวบ้าง (อาจจะผู้ใหญ่ช่วยดาวน์) เน้นไปทางระบบสาธารณะ อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า มีงบประมาณระดับ 1.3 – 3.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 12,000 – 27,000 บาท ครับ
The Stage เตาปูน Interchange
แม้ดูเหมือนชื่อจะยาว แต่ขอบอกว่า ผู้อ่านจะจำได้แม่นยำทันที เพราะ มันจะเป็นอสังหาฯแนวสูง ที่เชื่อม รถไฟฟ้าสายสีม่วง (ที่กำลังจะสร้างเสร็จ) และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน(พูดง่ายๆ คือ MRT ที่เราใช้กันอยู่) เข้าด้วยกันสมฉายา Interchange ตัวนี้กระแสตอบรับค่อนข้างมาแรงสำหรับนักลงทุนและนักเก็งกำไรคอนโดฯ มากๆ เพราะมีเกือบ 800 ยูนิต High Rise 36 ชั้น ตัวโครงการตั้งอยู่ในบริเวณเขตบางซื่อ และอยู่ห่างจาก สถานีเตาปูน ประมาณ 400 เมตร ซึ่งสถานีเตาปูนนี้แหละครับ คือ Interchange กับสถานีบางซื่อ เจาะกลุ่มรายได้ปานกลางถึงค่อนข้างสูง ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้าน และเฉลี่ย 81,000 บาทต่อตารางเมตร ถ้า End-User จะซื้อจะเหมาะกับคนที่หาที่อยู่อาศัยย่านเตาปูน-บางโพ ที่ต้องการเดินทางสะดวกทั้งรถส่วนตัวและรถไฟฟ้า และมีงบประมาณระดับ 2.0 – 5.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนราว 14,000 – 38,000 บาท ครับ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมดูต่อได้ที่ http://www.thestagecondo.com
Aspire รัชดาฯ-วงศ์สว่าง
คอนโดฯ แบรนด์เนมจากดีเวลลอปเปอร์ดังอย่าง AP Thailand จะให้ธรรมดาได้ยังไงกัน เพราะถ้าพูดถึงในแง่ของคอนโดที่ใกล้ รถไฟฟ้าสายสีม่วง Aspire รัชดาฯ-วงศ์สว่าง โครงการนี้ อยู่ใกล้ทางเข้า-ออก สถานี รถไฟฟ้าสายสีม่วง วงศ์สว่าง ประมาณ 80 เมตร เดินได้สบายมาก อีกทั้งยังเป็น Aspire โครงการแรกที่ขายแบบ Fully Furnished และใกล้รถไฟฟ้าในระยะไม่เกิน 100 เมตร ในแบรนด์ Aspire ทั้งหมด 14 โครงการที่ AP เคยทำมา ซึ่งตามปกติแบรนด์ Aspire จะเจาะกลุ่มรายได้ค่อนข้างน้อยถึงปานกลางเป็นหลัก แต่ตัวนี้ผู้เขียนเห็นว่า น่าจะเน้นกลุ่มกำลังซื้อปานกลางขึ้นไปได้เลย เพราะ ห้อง 1 bedroom ก็เริ่มต้นที่ 2.1 ล้าน แล้ว (โครงการ Aspire ส่วน.ใหญ่เริ่มต้นที่ไม่เกิน 2 ล้าน) และราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 85,000 บาท เป็นคอนโดฯ High Rise 27 ชั้น 1,232 unit (จำนวนตรงนี้น่าสนใจนะครับ) ส่วนสถานที่สำคัญ top 3 ที่ใกล้โครงการนี้ ผู้เขียนให้ Big C วงศ์สว่าง สถานีดับเพลิงบางซ่อน และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ครับ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมดูต่อได้ที่ http://www.apthai.com/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%94/aspire/Aspire-Ratchada-Wongsawang/
Bangkok Horizon ติวานนท์
เป็น High Rise 33 ชั้น 421 unit เจาะกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ห่างจากสถานี รถไฟฟ้าสายสีม่วง แยกติวานนท์ ประมาณไม่เกิน 50 เมตร เท่านั้น!!! ราคาเริ่มต้น 1.98 ล้าน และเฉลี่ย 63,000 บาทต่อตารางเมตร ในความเห็นของผู้เขียน โครงการนี้มีคนเริ่มสนใจจับตามองกันเยอะทีเดียวครับ เนื่องจากจุดแข็งที่ใกล้รถไฟฟ้ามากที่สุด และราคาไม่ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับทำเล เมื่อวิเคราะห์ได้ว่า End-User จะสนใจ นักลงทุนและนักเก็งกำไร ก็จะหูผึ่งกันทันทีครับ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมดูต่อได้ที่ http://www.bangkokhorizon.com/tiwanon/home
ในบรรดาคอนโดฯ เบื้องต้น เป็นเพียงแค่การคัดสรรตัวอย่าง จากปัจจัย ใกล้ทำเลรถไฟฟ้า และ ปัจจัยโครงการแนวสูงที่จะสร้างแล้วเสร็จ ในปี 59 ที่ยกมาประกอบกับข้อมูล รถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่กำลังจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ในปี 59 เช่นกัน ให้ผู้อ่านได้ลองคาดการณ์ สถานการณ์หรือแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้นกับคอนโดฯ เหล่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนยังมีข้อมูลที่สำหรับคนที่มองการณ์ไกลกว่านั้นอีกครับ นั่นก็คือ คอนโดที่ใกล้แนว รถไฟฟ้าสายสีม่วง และจะสร้างเสร็จ(คาด) ปี 60-61 ซึ่งผู้เขียนขอนำเสนอคร่าวๆ แบบรายชื่อดังนี้ครับ
Ideo Mobi วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์
ใกล้สถานี รถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซ่อน 10 เมตร มี skywalk เริ่มต้น 2.6 ล้าน 559 unit จาก บ. อนันดาฯ
Supalai Veranda รัชวิภา-ประชาชื่น
ใกล้ รถไฟฟ้าสายสีม่วง 250 เมตร 1700 ยูนิต เริ่มต้น 1.8 ล้าน จาก ศุภาลัยฯ (มีpenthouse)
The Posh Twelve
ใกล้ รถไฟฟ้าสายสีม่วง 180 เมตร 845 ยูนิต เจาะตลาดรายได้ดี เริ่มต้น 2 ล้าน Facilities ครบครัน
Estes รัตนาธิเบต
ใกล้ รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางกระสอ 300 เมตร Central 500 เมตร มีชั้นลอย เริ่มต้น 2 ล้าน จาก AQ Estate
The Tree Elegance ติวานนท์
ใกล้ รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีกระทรวงสาธารณสุข 42 ชั้น 1336 ยูนิต เริ่ม 1.4 ล้าน จาก พฤกษาฯ
ทำไมถึงต้องเลือกพูดเฉพาะอสังหาฯแนวสูง เมื่อดูจากปัจจัยข่าว รถไฟฟ้าสายสีม่วง ?
- เพราะ ดีเวลอปเปอร์ส่วนใหญ่ นิยมเปิดโครงการแนวสูงใกล้รถไฟฟ้าแบบเดินถึงได้สะดวก ส่วนโครงการแนวราบ กลุ่มเป้าหมายจะต้องมีฐานะประมาณนึง ใช้ชีวิตระยะสร้างครอบครัวแล้ว จะสังเกตได้ว่า โครงการบ้านจัดสรรหลายแห่งเน้นอยู่ติดถนนใหญ่บ้าง เข้าไปในซอยลึกบ้าง เพราะลูกค้าที่จะซื้อน่าจะมีรถยนต์ส่วนตัวขับแล้ว
- เพราะจากผลสำรวจทางสถิติ บุคคลที่เป็นคนทำงานทั่วไป หากมีความประสงค์และสะดวกที่จะใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง และจำต้องเลือกระหว่างซื้อ คอนโด กับบ้าน ส่วนใหญ่จะสนใจคอนโดฯ ก่อน
- เพราะ “คอนโดที่ติดรถไฟฟ้า” เป็นสิ่งที่นักลงทุน และนักเก็งกำไร ด้านอสังหาฯ ต้องการจับจองก่อนผู้อื่น
- สรุป เมื่อพูดถึงรถไฟฟ้าที่จะสร้างเสร็จ แปลว่า การคมนาคมสะดวกขึ้น >>> ตึกสำนักงาน อาคาร มีบริษัทมาเช่าพื้นที่เพิ่มมากขึ้น >>> คนไปทำงานย่านนั้นมากขึ้น >>>เงินและเศรษฐกิจในพื้นที่แนวรถไฟฟ้าจะหมุนเวียนดี >>> ที่พักอาศัยผุดขึ้น หรือ ที่ดินที่มีอยู่แล้ว ราคาสูงขึ้นตาม (พูดในแง่นักลงทุนล้วนๆ หากมองมุมผู้บริโภคหรือองค์กร ก็ไม่จำเป็นจะต้องซื้อพื้นที่อยู่อาศัย หรือเช่าสำนักงาน เสมอไป มีปัจจัย อุปสรรคอีกมากครับ)