ธอส รับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ คนแห่ซื้อบ้านคึกคัก

 

 

 

 

 

ธอส. รับมาตรการ

 

ธอส รับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ

     หลังจากที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดให้ประชาชนยื่นคำร้องขอกู้เงินตามมาตรการส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อย และ ปานกลาง วงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท โดยให้กู้สำหรับผู้ที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อเดือน หรือวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ขณะนี้มีผู้ยื่นขอสินเชื่อแล้วกว่า 2 พันราย วงเงินรวมกว่า 2 ล้านและคาดว่าจะขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต และ ไม่กังวลปัญหาเรื่อง หนี้ที่ไม่ก่อให้ เกิดรายได้ หรือ NPL เพราะลูกค้าของธนาคารมีความสามารถในการผ่อนชำระ แม้ในระยะต่อไปดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้นในระดับปกติ แต่รายได้ของลูกค้าก็จะปรับขึ้นตามเช่นกัน สำหรับตัวเลข NPL ในขณะนี้อยู่ที่ 5 % เท่านั้น

             ทั้งนี้คาดว่าจากการทยอยมาขอสินเชื่อของประชาชนจะทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อครบวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ภายในปีนี้ และจะใช้เวลา 2 ถึง 3 วันในการประเมินความต้องการของประชาชน ว่าจะขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มอีกเท่าใด

             นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย  มองว่ามาตรการที่ออกมาจะช่วย กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ให้เติบโตเพิ่มมากขึ้นเป็น 13% เป็น 3.3 แสนล้านบาท จากปี 2557 ที่มีมูลค่าตลาดรวม 2.93 แสนล้านบาท เดิมคาดว่าจะเติบโตเพียง 7% มูลค่า 3.1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะช่วงสิ้นปีนี้น่าจะเติบโตกว่า 20-30% ทั้งนี้จะมีการโอนบ้านมูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 80,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์อีก 40,000 ล้านบาท คาดว่าจะโอนได้ทั้งหมดและยังไม่รวมการขายสต๊อกบ้าน สร้างเสร็จอีกจำนวนหนึ่ง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงปลายปีจะมีความคึกคักต่อเนื่องไปถึงต้นปีหน้า

 

ธอส รับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ

ธอส รับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ

 นายประเสริฐกล่าวต่ออีกว่าผู้ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการนี้มากที่สุดคือ ผู้ที่กำลังโอนบ้าน เพราะเป็นการช่วยกระตุ้น ให้เกิดการโอนที่อยู่อาศัยได้เร็วขึ้นจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการต้องประสบปัญหาลูกค้าชะลอการโอน เนื่องจากไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ จึงไม่อยากก่อหนี้ NPL ที่มีมูลค่ามากและยังต้องผ่อนชำระอีก 20-30 ปี รวมทั้งปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อ จากสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง จากข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ประมาณการที่อยู่อาศัย สร้างเสร็จใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ โดยในปี 2558 มีจำนวน 96,040 ยูนิต โดยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทมีอยู่กว่า 61,930 ยูนิต และในปี 2559 จะมีที่อยู่อาศัยพร้อมโอนกรรมสิทธิ์อีกกว่า 86,540 ยูนิต และกว่า 41,710 ยูนิต เป็นระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท

 

            ขณะที่บรรดาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งหลายจะสามารถระบายสต๊อกที่สร้างเสร็จพร้อมโอนได้ง่ายขึ้นจากภาวะสินค้าล้นตลาด โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม เนื่องจากช่วง 2-3 ปีมานี้เร่งเปิดคอนโดมิเนียมมาก และกำหนดแล้ว เสร็จส่วนใหญ่ ในปีนี้หากสามารถจัดการสต๊อกเหล่านี้ได้ ผู้ประกอบการจะลดภาระทางการเงินที่ต้องถือครองสินทรัพย์ และยังทำให้ได้เงินกลับมาเพื่อนำไปลงทุนต่อยอดโครงการใหม่อีกด้วย

 

หนึ่งในความร้อนแรงของมาตรการนี้ นอกจาก ธอส รับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ แล้วก็ยังมีฝั่งผู้ประกอบการ เห็นได้จากการแข่งกันออกแคมเปญจูงใจของผู้ประกอบการเรียกได้ว่าหลังมติ ครม.ออกมา แต่ละค่ายอสังหาริมทรัพย์ต่างเรียกประชุมระดมสมองเพื่อทำการตลาดทันที อาทิ

 

  • เครือใหญ่อย่างพฤกษา เรียลเอสเตท ที่มีพอร์ตบ้านระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะมีรายการลุ้นรถยนต์

 

  • เครือพร็อพเพอร์ตี้ เฟอร์เฟค ให้สิทธิพิเศษทางการเงินแก่ผู้ซื้อบ้านและทาวน์เฮาส์ทุกโครงการของบริษัท รวม 30 โครงการ จับมือสถาบันการเงินพันธมิตรให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3% คงที่นาน 30 เดือน หรือ 2 ปีครึ่ง เงินค่าโอนที่บริษัทได้รับการลดหย่อนจะให้เงินคืนแก่ลูกบ้านด้วย

 

  • เครือแสนสิริ นั้นอยู่ระหว่างเตรียมออกแคมเปญใหม่ สอดรับกับมาตรการอสังหาฯของภาครัฐเช่นกัน เพื่อกระตุ้นยอดขายที่คาดว่าจะสามารถระบายสต๊อกบ้านมูลกว่า 9,000 ล้านบาท ภายใน 6 เดือนนี้

 

            อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของ “วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต” ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นอีกด้านว่า มาตรการกระตุ้นที่ออกมาในระยะสั้นนี้คล้ายกับเป็นการประชานิยม แต่ ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้จำเป็นที่จะต้องมีการกระตุ้น ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงในแง่การเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือหนี้เสียได้ (NPL) เพราะเน้นกลุ่มบ้านระดับราคาไม่สูงมาก กลุ่มผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งต้องมีการดูแลอย่าง ใกล้ชิด

 

บ้านน่าอยู่

 

ธอส รับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ

    นอกจากนั้นยังทำให้เกิดการกระตุ้นธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ให้เกิดการซื้อขายหมุนเวียนเร็วขึ้นทั้งยังขับเคลื่อน ไป ยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่ง รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า นับว่าเป็นช่วงนาทีทองของผู้ขายและผู้ที่ต้องการจะซื้ออสังหาฯในตอนนี้ เพราะมาตรการจากรัฐบาลแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อยๆ อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นและของแถมจากผู้พัฒนาอสังหาฯภาคเอกชนรองรับให้อยู่แล้วอีกด้วย เรียกว่าคุ้มสองต่อ สมเป็นยุคทองของผู้บริโภคจริงๆ คาดการณ์ว่าในเดือนสุดท้ายช่วงเดือนเมษายน 2559 หลังจากมาตรการหมดลงในระยะ 6 เดือน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อาจมีการชะลอลง ซึ่งก็มีผลจากกลุ่มซื้อบ้านหลังแรกที่สามารถลดหย่อนภาษีได้พยุงไว้อยู่

 

 

แหล่งอ้างอิง: www.prachachat.net/news

 

Leave a Reply