กรมธนารักษ์ ประกาศราคาประเมินที่ดิน ปี 59

          กรมธนารักษ์ ประกาศราคาประเมินที่ดิน เตรียมปรับใหม่ ปี 2559-2562 ทั่วทั้งประเทศไทยเพิ่มขึ้น 25% กรุงเทพและพื้นที่โดยรอบ เพิ่มขึ้น 15.78%  ส่วนที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าราคาสูงขึ้น 75% สีลม แพงสุด ตารางวาละ 1 ล้านบาท เหตุจาก 4 ปัจจัย ได้แก่ การเดินทาง การใช้ชีวิต บรรยากาศและราคา  เริ่มประกาศราคาอย่างเป็นทางการ  วันที่ 1 มกราคม 59  ด้านนักลงทุนอสังหาฯ ชี้แนวรถไฟฟ้ายังดีมานด์สูง

 

กรมธนารักษ์ ประกาศราคาประเมินที่ดิน

ที่มาภาพ: http://mapofficerent.com/

 

  กรมธนารักษ์ ประกาศราคาประเมินที่ดิน ประเมินทุนทรัพย์รอบใหม่ ปี 2559 – 2562 ในงานสัมมนาทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งจัดโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ว่า ภาพรวมราคาที่ดินทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 25% โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 15.78% ซึ่งราคาสูงสุดในกรุงเทพฯ อยู่ที่พื้นที่สีลม ตร.ว.ละ 1 ล้านบาท ส่วนราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าจากการประเมินพบว่า มีราคาสูงขึ้น 75% โดยจะประกาศราคาที่ดินอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 ม.ค. 2559

         ระหว่างที่ราคาที่ดินตามโครงข่ายระบบราง อาทิ บีทีเอส เอ็มอาร์ที ปรับขึ้นมากสุด รองลงมาคือรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและถนนสายต่างๆ และปรับน้อยสุดคือ ทางพิเศษ ทางด่วน ทั้งสำหรับแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส

(หมอชิต-แบริ่ง-ตากสิน) ราคามีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด โดยบริเวณย่านสีลมราคาจะสูงที่สุด สาเหตุมาจาก 4 ปัจจัย ดังนี้

 

  1. ปัจจัยด้านการเดินทางเข้า-ออก (Accessibility Factors)

การเดินทางของย่านนี้มีครบทุกอย่าง ทั้งถนนรายล้อมเป็น Grid Road System มีทางด่วน มีรถไฟฟ้าบนดิน (BTS) มีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) มีรถด่วนพิเศษ (BRT) และการเดินทางโดยเรือแม่น้ำเจ้าพระยา และมีจุดเชื่อมต่อกันในหลายๆ จุด เช่น BTS สถานีศาลาแดงเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สถานีสีลม ส่วนที่สถานี BTS ช่องนนทรีก็เป็นจุดเชื่อมต่อกับ BRT สถานีสาทร และทางเรือถือเป็นการหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดในช่วงเร่งด่วนได้ ซึ่งท่าเรือสาทรจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีตากสิน และยังเป็นท่าที่รวมเรือด่วนทุกสายเอาไว้ตั้งแต่เรือประจำทางธรรมดา, เรือด่วนธงส้ม, เรือด่วนธงเขียว และเรือด่วนธงเหลือง

 

  1. ปัจจัยด้านการใช้ชีวิต (Living Factors)

ในแง่การเลือกทำเลที่สะดวกในการใช้ชีวิตนั้น ตำราฝรั่งเขามองว่าทำเลนั้นๆ ควรมีครบทั้งสถานที่สำหรับการพักผ่อน (Recreation) จับจ่ายซื้อของ (Shopping) สถานศึกษา (Education) สถานพยาบาล (Health Care) และการเดินทางไปทำงาน (Work Commuting) ซึ่งทำเลสีลม-สาทรนี้มีครบตามตำรา

 

  1. ปัจจัยด้านบรรยากาศและความน่าอยู่ (Mood & Livable Factors)

สีลมเป็นย่านที่เจริญที่สุดจุดหนึ่งของเมืองไทย ขณะที่สาทรก็เคยเป็นย่านพักอาศัยของบุคคลในระดับสูงสมัยก่อน ทำให้ทำเลนี้มี “บรรยากาศเฉพาะตัว” เมื่อเทียบกับทำเลอื่น เรายังสามารถเห็นสถาปัตยกรรมเก่าๆ จากอดีตถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกันความทันสมัยก็เข้ามาผสมผสานอย่างลงตัว นอกจากนี้ หากใครที่ชอบวิวมุมสูงสวยเต็มไปด้วย Skyscrapers ทำเลนี้ก็ตอบโจทย์ที่สุด เพราะมีทั้งสำนักงาน และที่พักอาศัยที่เป็นตึกสูงมากมาย ประกอบกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่วิวอีกด้านหนึ่งก็จะสามารถเห็นวิว “สวนลุมพินี” ได้เช่นกัน

 

  1. ปัจจัยด้านราคา (Costs Factors)

ย่านสีลม-สาทรนี้เป็นใจกลางธุรกิจของกรุงเทพฯ แน่นอนว่าราคาคอนโดแถบนี้จึงสูง แต่เนื่องจากผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดในย่านนี้มีทุนอยู่แล้ว จึงทำให้ทำเลนี้มีสัดส่วนของการซื้อเพื่ออยู่อาศัยสูงถึง 70% และซื้อเพื่อลงทุน 30% (ข้อมูลจาก bkkcitismart) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่เดิมที่ย้ายจากอาคารพาณิชย์ ขยับขยายมาซื้อคอนโดฯ เพื่อที่จะสามารถไป-มาบ้านเดิมได้ ส่วนอีก 30% นั้นจะเป็นการลงทุนเพื่อปล่อยเช้าให้กับชาวต่างชาติและคนที่ทำงานในย่านสีลม-สาทร

 

            สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ มองว่าปีหน้าตลาดคอนโดฯ ระดับกลาง-บน ราคาตั้งแค่ตารางเมตรละ 100,000 บาทขึ้นไป หรือยูนิตละตั้งแต่ 3 ล้านบาท จะุยังคงแข่งขันกันสูง เนื่องด้วยเศรษฐกิจยังผันผวน แนะลงทุนทำเลพิเศษเพื่อฉีกหนีไปจับตลาดกลุ่มพรีเมียมที่ยังมีความต้องการสูง ซึ่งประกอบไปด้วยโซนอโศก-เอกมัย, โซนรัชดาฯ-พระราม 9, โซนสาทร-สีลม-สามย่าน และสุดท้ายคือโซนพระโขนง-อ่อนนุช-แบริ่ง ซึ่งแต่ละโซนก็มีความน่าสนใจ และจุดเด่นแตกต่างกันไป

 

แหล่งที่มา : http://www.matichon.co.th/, http://www.prachachat.net/, http://www.manager.co.th/

 

Leave a Reply