แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซุ่มขึ้นคอนโด 4 แท่งรับรัฐสภาใหม่

12-6-728x410

เปิดแผนปีหมูค่าย แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ตั้งเป้า 3.3 หมื่นล้าน ขอโต 10% ลุยหนักแนวราบ ชี้อสังหาฯขาลง เผย “ขายโครงการที่สหรัฐ-โฮมโปร-คิวเฮ้าส์” ทำกำไร จ่อขายโรงแรมเข้ากองทุน REIT ออกหุ้นกู้อีกหมื่นล้าน ซุ่มซื้อที่โรงไม้เก่าย่านสามเสน ขึ้นคอนโดฯแนวใหม่ 4 แท่ง ริมเจ้าพระยา รับรัฐสภาใหม่ เจาะลูกค้าราชการ

ปีละครั้งสำหรับงานแถลงทิศทางนโยบาย โดย 2 ซีอีโอ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร และนายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ ซึ่งมีนัยน่าสนใจ

ปรับตัวตามตลาด

นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว สถาบันการเงินเริ่มรอบคอบมากขึ้น ทั้งการปล่อยสินเชื่อโครงการและสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน ที่สำคัญ ทุกคนเห็นแนวโน้มว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้นด้วย

ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือตลาดจะอยู่ในช่วงปรับตัว แลนด์ฯก็เช่นกัน ต้องเน้นทำในสิ่งที่ถนัด แล้วโฟกัสกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนในแต่ละทำเล “พร้อมกลับมาดูเรื่องประสิทธิภาพกับการทำงาน ภายใต้การวิเคราะห์ข้อมูลของดาต้าเบสทั้งหมด เพื่อปรับให้เข้ากับสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้”

เช่น ชะลอการพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ในปี 2562 เนื่องจากซัพพลายในตลาดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการร่วมทุน (JV : joint venture) และจากมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทบกับสินค้าคอนโดฯพอสมควรจึงขอดูทิศทางตลาดก่อน

“แต่เราเตรียมการเตรียมแบบไว้แล้ว เพื่อยื่นขอ EIA ถ้าทุกอย่างลงตัว เราก็พร้อมจะเปิดตัว ต้องดูจังหวะของตลาด”

ลุยหนักแนวราบ

แผนการดำเนินงานของแลนด์ฯปี 2562 ตั้งเป้ายอดขาย (booking) 33,000 ล้านบาท ยอดโอนกรรมสิทธิ์ 32,000 ล้านบาท รายได้ค่าเช่าจากธุรกิจอสังหาฯให้เช่า 5,000 ล้านบาท คาดรายได้รวมจะโตขึ้น 10% ปีนี้รายได้มาจาก 3 ส่วนคือ 1.จากการขายที่อยู่อาศัย 32,000 ล้านบาท 2.รายได้จากค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ที่อเมริกา+โรงแรม+ห้างสรรพสินค้า 5,000 ล้านบาท 3.ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือ (ควอลิตี้เฮ้าส์, โฮมโปร, คิวคอน) 3,700 ล้านบาท

ปัจจุบันแลนด์ฯมีโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น 70 โครงการ แยกเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล 42 โครงการ ต่างจังหวัด 28 โครงการ โดยมีมูลค่าโครงการเหลือขาย 56,000 ล้านบาท เป็นคอนโดฯ 10,000 ล้านบาท

มีแผนเปิด 16 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 29,960 ล้านบาท แบ่งเป็นเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 14 โครงการ ต่างจังหวัด 2 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 11 โครงการ (บ้านแฝด นับรวมเป็นบ้านเดี่ยว) ทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ ราคาเฉลี่ยต่อยูนิตอยู่ที่ 7.3 ล้านบาท

สัดส่วนของยอดขายแบ่งตามประเภทที่อยู่อาศัย บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 72% ทาวน์เฮาส์ 8% คอนโดฯ 20% แบ่งตามระดับราคา ต่ำกว่า 4 ล้านบาท 17%, 4.01-6 ล้านบาท 17%, 6.01-10 ล้านบาท 19%, 10.01-25 ล้านบาท 27% และมากกว่า 25 ล้านบาท 20%

ซุ่มเปิดคอนโดฯ 4 แท่ง

แหล่งข่าวใน บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ล่าสุดแลนด์ฯกำลังรวบรวมโฉนดที่ดิน เพื่อรวมเป็นแปลงใหญ่ในย่านสามเสน อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา โดยซื้อที่จากโรงเลื่อยเก่าที่ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ ใกล้โรงเรียนราชินีบนและแยกเขียวไข่กา อยู่เยื้อง ๆ กับศูนย์การค้าสุพรีม คอมเพล็กซ์ เพื่อพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมแนวใหม่ 4 ทาวเวอร์ที่เชื่อมถึงกัน สูง 40-50 ชั้น รวม 1,500 ยูนิต ภายใต้ไทม์ไลน์ 3 ปี

“ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทำประเมินผลสิ่งแวดล้อมหรือ EIA คาดว่าจะใช้เวลารื้อถอน 4 เดือน ก่อสร้างอีก 36 เดือน เมื่อโครงการแล้วเสร็จก็พอดีจังหวะตลาดคอนโดฯคงกลับมาบูมใหม่ หลังจากซัพพลายในตลาดปัจจุบันถูกดูดซับช่วง 1-2 ปีนี้”

โครงการใหญ่ดังกล่าว ถือเป็นการแตกทำเลและแตกกลุ่มเป้าหมายจากที่แลนด์ฯเคยทำ เพราะเป็นการพัฒนาในย่านเมืองเก่า ล้อมรอบด้วยถนน 4 สายสำคัญได้แก่ ถนนสามเสน ถนนนครไชยศรี ถนนอำนวยสงคราม และถนนร่วมจิตต์ ทั้งเป็นศูนย์รวมหน่วยงานการศึกษา อาทิ โรงเรียนราชินีบน โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และหน่วยงานราชการ อาทิ กรมชลประทาน รัฐสภาแห่งใหม่แยกเกียกกาย ทั้งอยู่ใกล้โรงงานออฟฟิศของกลุ่มบุญรอดฯ โดยจะพัฒนาภายใต้แบรนด์ The Room มุ่งเจาะลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน เน้นจุดขายทำเลใจกลางเมือง ติดแม่น้ำเจ้าพระยา

บ้านเดี่ยวขายดี

นายนพรกล่าวว่า การดำเนินงานของแลนด์ฯ ปี 2561 มีสัดส่วนบ้านเดี่ยว 71%, ทาวน์เฮาส์ 12%, คอนโดฯ 17% แยกตามราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท 1%, 2-4 ล้านบาท 15%, 4.01-6 ล้านบาท 20%, 6.01-10 ล้านบาท 18%, 10.01-25 ล้านบาท 25% และมากกว่า 25 ล้านบาท 21%

พัฒนาทั้งสิ้น 68 โครงการ อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล 40 โครงการ ต่างจังหวัด 28 โครงการ รวมโครงการที่เปิดใหม่ระหว่างปี 12 โครงการ มูลค่ารวม 23,110 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 6 โครงการ, ทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ และคอนโดฯ 4 โครงการ มีส่วนแบ่งการตลาดตามจำนวนหลังในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ยอดรวมสะสมตั้งแต่ ม.ค.-พ.ย. 2561 บ้านเดี่ยว 10.6%, บ้านแฝด 13.7%, ทาวน์เฮาส์ 3.5% และคอนโดฯ 1.2%

จัดตั้งกอง REIT

นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเผยถึงฐานะการเงิน ณ สิ้นปี 2561 ว่า แลนด์ฯและบริษัทย่อยมีหนี้เงินกู้สุทธิ 43,000 ล้านบาท มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 86% มีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.46%

ปี 2562 ได้เตรียมงบฯลงทุน 10,000 ล้านบาท แยกเป็นการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย 7,000 ล้านบาท อีก 3,000 ล้านบาทเป็นงบฯลงทุนเพื่อการให้เช่าอสังหาฯ ขณะที่ปีที่แล้วงบฯจัดซื้อที่ดินอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท

“ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขาย The Domain Residence อพาร์ตเมนต์ในรัฐแคลิฟอร์เนียในราคา 140 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 4,480 ล้านบาท กำไรก่อนหักภาษี 1,317 ล้านบาท (41.17 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งปี 2562 มีแผนจะขายโรงแรมอีก 1 แห่งเข้ากอง REIT และจะออกหุ้นกู้อีก 12,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้หนี้สินต่อทุนคงใกล้เคียงปีที่แล้ว”

ปีนี้อสังหาฯขาลง

ก่อนหน้านี้ นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และผู้ก่อตั้งหลักสูตร The NEXT Real ฟันธงว่า ตลาดอสังหาฯปี”62 ถึงยุคขาลง แต่ไม่รุนแรง ปัญหาใหญ่คือด้านการเงิน แบงก์เข้มปล่อยกู้ทั้งโครงการและรายย่อย ส่วนผู้ประกอบการรายกลางรายเล็กจะเหนื่อยและเข้าตลาดยากขึ้น แนะให้บริหารสภาพคล่อง

“วินัยการเงินของคนไทยยังไม่ดีพอ ไม่ออมเงินก่อนซื้อบ้าน เพราะเคยกู้เงินได้เต็มจำนวน บางรายสูงกว่าราคาบ้าน เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว การเงินตึงตัวก็กลายเป็นหนี้เสีย เมื่อมีปัญหาควรรีบปรึกษาธนาคารเจ้าหนี้ เพื่อหาทางแก้ปัญหาร่วมกัน เชื่อว่าธนาคารพร้อมช่วยเหลือ เพราะไม่ต้องการให้เกิดหนี้เอ็นพีแอล แบงก์พร้อมช่วยอยู่แล้ว เพราะมีเงินเหลือเยอะ”

“ในทุก ๆ 8-10 ปี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเข้าสู่ภาวะชะลอตัว ซึ่งปี 2562 จะชะลอตัวจากหลายปัจจัย เราต้องตระหนักแต่ไม่ต้องตระหนก เพราะสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นวัฏจักรผู้ประกอบการต้องปรับตัว จะพลิกเกมอย่างไรให้อยู่รอด”

ขอขอบคุณประชาชาติ

Leave a Reply